Skip to Content

คำสั่งเงื่อนไข If-Else ใน Java

วันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับคำสั่งเงื่อนไข If-Else ใน Java กัน คำสั่งนี้ช่วยให้โปรแกรมของเราสามารถตัดสินใจและทำงานแตกต่างกันตามเงื่อนไขที่กำหนดได้

คำสั่ง If-Else คืออะไร?

คำสั่ง If-Else เป็นเหมือนทางแยกในโปรแกรมของเรา ที่ช่วยให้โปรแกรมเลือกทำสิ่งต่างๆ ตามเงื่อนไขที่เรากำหนด

เปรียบเทียบกับชีวิตประจำวัน:

  • ถ้าฝนตก (เงื่อนไข) เราจะพกร่ม (การกระทำ)
  • ถ้าไม่ใช่ เราจะไม่พกร่ม

โครงสร้างพื้นฐานของ If-Else

if (เงื่อนไข) { // ทำอะไรบางอย่างถ้าเงื่อนไขเป็นจริง } else { // ทำอะไรบางอย่างถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จ }

ตัวอย่างง่ายๆ

มาดูตัวอย่างโปรแกรมตรวจสอบว่าใครสามารถเข้าชมภาพยนตร์เรท 18+ ได้บ้าง

int อายุ = 20; if (อายุ >= 18) { System.out.println("คุณสามารถชมภาพยนตร์เรท 18+ ได้"); } else { System.out.println("ขออภัย คุณอายุไม่ถึงเกณฑ์ในการชมภาพยนตร์เรท 18+"); }

การใช้ Else If

บางครั้งเราอาจต้องการตรวจสอบหลายเงื่อนไข เราสามารถใช้ else if ได้:

int คะแนน = 75; if (คะแนน >= 80) { System.out.println("คุณได้เกรด A"); } else if (คะแนน >= 70) { System.out.println("คุณได้เกรด B"); } else if (คะแนน >= 60) { System.out.println("คุณได้เกรด C"); } else { System.out.println("คุณต้องปรับปรุง"); }

การซ้อน If-Else

เราสามารถใส่ If-Else ซ้อนกันได้ เพื่อตรวจสอบเงื่อนไขที่ซับซ้อนขึ้น:

boolean มีบัตรสมาชิก = true; int อายุ = 25; if (มีบัตรสมาชิก) { if (อายุ >= 18) { System.out.println("ยินดีต้อนรับสมาชิก! เชิญเข้าชมภาพยนตร์ได้เลย"); } else { System.out.println("ขออภัย คุณอายุไม่ถึงเกณฑ์ในการชมภาพยนตร์นี้"); } } else { System.out.println("กรุณาสมัครสมาชิกก่อนเข้าชมภาพยนตร์"); }

If-Else แบบย่อ (Ternary Operator)

Java มีวิธีการเขียน If-Else แบบย่อที่เรียกว่า Ternary Operator ซึ่งใช้สำหรับการตัดสินใจอย่างง่าย:

// รูปแบบ: เงื่อนไข ? ค่าเมื่อจริง : ค่าเมื่อเท็จ int อายุ = 20; String ผลการตรวจสอบ = (อายุ >= 18) ? "สามารถเข้าชมได้" : "ไม่สามารถเข้าชมได้"; System.out.println(ผลการตรวจสอบ);

ในตัวอย่างนี้ ถ้า อายุ >= 18 เป็นจริง ตัวแปร ผลการตรวจสอบ จะมีค่าเป็น “สามารถเข้าชมได้” ถ้าไม่ใช่ จะมีค่าเป็น “ไม่สามารถเข้าชมได้”

เคล็ดลับการใช้ If-Else

  1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเงื่อนไขของคุณถูกต้อง
  2. ใช้วงเล็บปีกกา {} เสมอ แม้จะมีแค่คำสั่งเดียว เพื่อป้องกันความสับสน
  3. พยายามไม่ซ้อน If-Else มากเกินไป เพราะจะทำให้โค้ดอ่านยาก
  4. ใช้ Ternary Operator สำหรับการตัดสินใจที่ง่ายและสั้น เพื่อทำให้โค้ดกระชับขึ้น

ตัวอย่างการใช้งานจริง

ลองมาดูตัวอย่างโปรแกรมคำนวณส่วนลดจากยอดซื้อกัน:

public class โปรแกรมคำนวณส่วนลด { public static void main(String[] args) { double ยอดซื้อ = 2500; double ส่วนลด = 0; String ระดับสมาชิก = "ทอง"; if (ยอดซื้อ >= 5000) { ส่วนลด = 0.1; // ส่วนลด 10% } else if (ยอดซื้อ >= 1000) { ส่วนลด = 0.05; // ส่วนลด 5% } // เพิ่มส่วนลดพิเศษสำหรับสมาชิกระดับทอง ส่วนลด += (ระดับสมาชิก.equals("ทอง")) ? 0.05 : 0; double ยอดสุทธิ = ยอดซื้อ * (1 - ส่วนลด); System.out.println("ยอดซื้อ: " + ยอดซื้อ + " บาท"); System.out.println("ส่วนลดทั้งหมด: " + (ส่วนลด * 100) + "%"); System.out.println("ยอดสุทธิ: " + ยอดสุทธิ + " บาท"); } }

สรุป

คำสั่ง If-Else เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการทำให้โปรแกรมของเราตัดสินใจได้ ช่วยให้เราสร้างโปรแกรมที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างชาญฉลาด การใช้ If-Else ร่วมกับ Ternary Operator ช่วยให้เราเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพและอ่านง่ายขึ้น

ปรับปรุงล่าสุด